มีการยกเลิกกฎหมายฟ้องชู้ จริงหรือไม่

blank

ปัจจุบันมีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติกฎหมายสมรสเท่าเทียมเกิดขึ้น ทำให้ทุกเพศสามารถสมรสกันได้ แต่ด้วยกฎหมายประมวลแพ่งและพาณิชย์นั้นได้มีบัญญัติตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2550 จึงมีความล้าหลัง ความต้องการทางสังคมที่ปรับเปลี่ยนไปและมีความขัดหรือแย้งขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย  ซึ่งข้อกฎหมายที่ว่าดังกล่าวนั้นคือ กฎหมายฟ้องชู้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523

โดยกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา มาตรา 1523 ได้วางหลักไว้ว่า เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่า

สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้

จะเห็นว่าหลักเกณฑ์ในการใช้กฎหมายดังกล่าวมีความเหลื่อมล้ำกัน หมายถึง สามีจะเรียกค่าทดแทนจาก “คนอื่น” ที่ล่วงเกินภรรยาได้ โดยไม่จำกัดเพศและไม่จำเป็นต้องแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว เช่น ภรรยามีความสัมพันธ์ชั่วคราวกับคนอื่น (one night stand) แตกต่างจากภรรยาที่จะเรียกค่าทดแทนได้เพียงแค่ “เพศหญิงและแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวกับสามี” โดยการแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาว หมายความว่า มีพฤติการณ์เปิดตัวหรือแสดงตัวว่าตนเองเป็นคู่รัก เช่น คบหากันโดยที่เพื่อนร่วมทำงานรู้ว่าเป็นคนรัก เป็นต้น หากแต่สามีนั้นมีความสัมพันธ์แบบไม่เปิดเผยกับเพศชาย แบบนี้ภรรยาไม่สามารถเรียกค่าทดแทนจากชายชู้ของสามีได้ หลักเกณฑ์ของมาตรา 1523 มีความไม่เท่าเทียมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจจะขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 27 ที่วางหลักไว้ คือ บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายมีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกันชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา หรือเหตุอื่นใด จะกระทำมิได้บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายเท่าเทียมกัน

จากประเด็นปัญหาดังกล่าว ทำให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรค2 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยผลการพิจารณาของศาลศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรค2 มีความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 และได้กำหนดคำบังคับให้มีคำวินิจฉัยมีผล เมื่อพ้น 360วัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ไม่ได้มีการยกเลิกกฎหมายฟ้องชู้ แต่เนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 มีหลักเกณฑ์ที่ไม่เท่าเทียม เป็นกฎหมายที่ล้าหลัง และไม่สอดคล้องกับภาวะในปัจจุบัน จึงมีการแก้ไขและประกาศให้ยกกฎหมายในอีก 360 วัน หมายความว่าในระหว่างนี้จะมีการแก้กฎหมายให้เท่าเทียมและอีก 360 วัน จึงจะบังคับให้ใช้กฎหมายใหม่แทน ในระหว่างที่รอการแก้ไขกฎหมายจึงยังคงใช้กฎหมายเดิม

แชร์ :

บทความที่เกี่ยวข้อง